ใคร ........ มาย้ายท้องฟ้าฉันไป

เชื่อว่าหลายคนคงเคยนั่งมองท้องฟ้า และในบรรยกาศที่แตกต่างกันตามแต่ละท้องที่หรือสถานที่เราต่างก็นั่งมองกันนะครับ ผมก็เป็นอีกคนนึง ที่ชอบเหม่อมองท้องฟ้า ในเวลาที่ผมมีเรื่องให้ครุ่นคิดในใจ ไม่ได้คิดถึงสาวๆที่ไหนหรอกนะครับ  ฮ่าๆ แล้วเคยคิดกันบ้างไหมครับ ว่า ท้องฟ้านั่น บางครั้ง ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากชีวิตคนเราเท่าไหร่ ผมคิดอย่างนั้นนะ คิดแบบนั้นจริงๆ

ในช่วงเวลาที่จิตใจเราหม่นหมอง ทุกข์ใจ มีมีเศร้าใจ หรืออะไรก็ตามแต่ ตามความคิดของผม มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆดำทะมึน ฝนตั้งเค้าจะตก ท้องฟ้าที่ว่า สดใส ก็หาความสดใส ไม่เจอ แต่เมฆ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนเต็มไปหมด ดูแล้ว มันก็น่ากลัวนะครับ ว่ามั้ย 

พอเมฆฝนดำทะมึนผ่านพ้นไปฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าก็กลับมามีชีวิตชีวาสดใส สวยงามเหมือนเดิม แล้วมันต่างจากชีวิตคนเรามั้ยครับ สิ่งร้ายๆผ่านพ้นไป ชีวิตเราก็มีความสุขเหมือนท้องฟ้านั่นไงครับ ปัญหาในชีวิต ก็เหมือนเมฆดำเหล่านั้น มันผ่านมา ถึงเวลา มันผ่านไป ขอเพียงใจเราสงบ ตั้งสติค่อยๆคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางแก้ไข มีคำกล่าวไว้ ผมไม่รู้หรอกว่า คนแรกที่กล่าวคำนี้ เป็นใคร ชื่ออะไร และยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว ก็อาจจะรู้ได้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ วลีอมตะคำนี้แหละครับ ก็เหมือนเมฆดำเหล่านั้น ไม่นานมันก็ผ่านพ้นไป

ในตอนกลางคืน ท้องฟ้ามันมึดมิดมีแต่ดาว หรืออาจจะไม่มีเป็นบางวัน เคยคิดมั้ยครับ ว่า ท้องฟ้าที่สดใสนั้น มันหายไปไหนแล้ว ความจริง ท้องฟ้าไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ไม่ใครสามาถย้ายท้องฟ้าหนีไปไหนได้หรอกครับ เราต่างหากที่มองไม่เห็นท้องฟ้าเอง หรือว่าใครนอนหลับแล้วยังสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ ผมขอนับถือนะครับ

ท้องฟ้ายังไงก็ยังเป็นท้องฟ้า มีสิ่งที่มาบดบังบ้าง มืดมิดบ้าง พอเวลาผ่านพ้นไป ท้องฟ้าก็ยังเป็นท้องที่สดใสอยู่เหมือนเดิม ใจคนก็เหมือนกัน มีทุกข์ มีสุข มีเศร้า ไม่นาน มันก็แค่ลมพัดผ่านมากระทบใจเท่านั้น ปล่อยให้ผ่านพ้น ไม่นานจิตใจเราก็เป็นปกติเองครับ 

ขอจบบทความนี้ไว้เท่านี้นะครับ ผมก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ


ภาพประกอบ จาก  http://writer.dek-d.com/seeks/story/view.php?id=671069