เหตุผล.?? อยู่ในความไม่มีเหตุผล

นุษย์เดินเดิน อย่างผม และ อีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเล็กๆใบนี้ ล้วนแต่มีเหตุผลของตัวเองทั้งสิ้นและบางครั้ง ความดื้อรั้นก็ทำให้ไม่มีเหตุผลกันเลย ไม่ฟังเหตุผล ไม่รับรู้เรื่องที่ตัวเองคิดว่า ไม่สมเหตุสมผลกับความคิดของตัว คงเป็นเพราะ มองแต่เหตุ ไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดหรือตามมา

หลากหลายเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในโลกเล็กๆ ใบนี้ ล้วนมีเหตุและผลอยู่ในตัวมันเอง พระพุทธศาสนา ยังสอนในเรื่องของเหตุและผล ซึ่งเป็นคำสอน ที่มีมาช้านาน กว่า 2500 ปี เข้าไปแล้ว บางครั้งผมก็ไม่ฟังเหตุผลของเพื่อนร่วมงาน เพราะคิดเอาเองว่า ความคิดของผมนั้นถูกต้อง แต่พอกลับไปนั่งทบทวนใหม่ ผมก็เข้าใจ  บางครั้ง ผมควรจะฟังคนอื่นบ้าง คงทำให้มีข้อผิดพลาดน้อยลง

ไม่มีเหตุผล คำนี้ ถูกใช้กันบ่อยมาก  ผมคิดเอาเอง ว่า ความไม่มีเหตุผล (ของคนอื่น) เป็นเพราะ ตัวเราเอง ที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผล ของเขามากกว่า มันทำให้เราคิดมาก ซึ่งจริงๆแล้ว คนเรา นั่งลง คุยกันด้วยเหตุผลของต่างฝ่าย หาข้อสรุปที่ชัดเจน ความไม่มีเหตุผล คำนี้ก็จะไม่ถูกใช้ให้สิ้นเปลืองมากเลย ถ้าเรามัวแต่ยึดติดกับความคิดของตัวเองเป็นหลัก

ความเข้าใจ  บางครั้งเราเข้าใจตัวเอง แต่เราไม่เข้าใจคนอื่น เมื่อไม่เข้าใจคนอื่น ความไม่มีเหตุผลก็จะอยู่เหนือเหตุผล ผลที่ตามมา เล็กๆ แค่ขัดแย้งกัน ใหญ่ๆ ก็ ต่อยกันเลย ก็มี จริงๆ ถ้าเรายอมให้คนอื่นเป็นฝ่ายถูกบ้าง ผมว่า เราจะรู้สึกดี มากๆ เลย อย่างน้อย ก็ทำให้ คนอื่นสบายใจล่ะ แล้วอย่างนี้ เราจะเป็นฝ่ายถูกเสมอไป คงไม่ดี เพราะเมื่อเราคิดว่าเราถูก คนอื่นก็ผิด เมื่อคนอื่นผิด เขาก็ไม่มีเหตุผล ทั้งที่เขาก็มีเหตุผลของเขาอยู่เหมือนกัน แต่มันต่างจากเหตุผลของเรา

หลายวันก่อน ผมได้ดู รายการ นาทีฉุกเฉิน มีรถบรรทุกสิบล้อ คันหนึ่ง ขับเลนส์ขวา ด้วยความเร็มสูง แซง ซ้าย ป่าย ขวา เป็นอันตราย อย่างมาก ผู้คนที่ใช้ถนนร่วมกัน ต่างก็ ด่าทอ เสียหาย และ แจ้งตำรวจจราจร  ด้วย หาว่า คนขับรถสิบล้อ คันนั้น เมายาอีกต่างหาก ถ้าผมอยู่เหตุการณ์ ผมก็คงจะด่าเขาเหมือนกัน สิบล้อคันนั้น ก็ยังวิ่งด้วยความเร็วสูง ไม่มีทีท่าจะผ่อนเลยแม้แต่น้อย พอจุดหมาย คือ โรงพยาบาล ถึงเข้าใจ  เหตุผลที่ขับแบบนั้น เพราะ ต้องพาคนเป็นลมชัก ส่งโรงพยาบาล ถ้าช้า อาจตายได้

ส่วน เหตุผลที่ทนเจ็บ (ต่าย อรทัย ร้อง) ผมเดาเอาเอง ว่า "คงเป็นเพราะโรงพยาบาลอยู่ใกล"

รักครั้งแรก

หลายคน มีรักครั้งแรก กันทั้งนั้น ครับ และทุกคนก็มักจะจดจำ รักครั้งแรก แล้ว มาเล่ากัน ว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ บางครั้ง เล่ากันไป ยิ้มกันไป บางครั้ง เล่าไป ร้องไห้ ไป ก็มี และผมเชื่อทุกคน มีรักครั้งแรกเกิดขึ้นกับทุกๆ คน และ รักครั้งแรก ของทุกคนนี้ ล้วนแต่ สมหวังในความรักกัน ทุกคน ไม่มียกเว้น ครับ

มาถึงตรงนี้ คงมีคนแย้งผม ว่า ไม่จริง รักครั้งแรก ส่วนใหญ่ จะผิดหวัง กันทั้งนั้น ผมก็ขอยืนยันอีกครั้งครับ
ว่า รักครั้งแรก ของทุกคน สมหวังในความรัก 100 % เต็มครับ ส่วนรัก ที่ใครหลายคน บอกว่า ผิดหวังนั้น ไม่ใช่รักครั้งแรก หรอก เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ไป นั่งหลับตานึกเอาเองครับ

ความจริง ความรักครั้งแรก ที่เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนบนโลกเล็กใบนี้ ความรักนี้ กว่าเราจะรู้คุณค่า ก็ปล่อยเวลาให้ผ่านเนินนาน ไปเหมือนกัน บางคน ใช้เวลาหลายสิบปี กว่าจะเข้าใจ บางคนใช้เวลาน้อยกว่านั้น และบางคน ทั้งชีวิต ไม่เข้าใจ ก็มี

เดือนหน้า (สิงหาคม) จะมีวันสำคัญ วันหนึ่ง สำหรับ คนที่หา บทความผมเจอ และได้อ่าน สิ่งที่ผมเขียน
พอถึงวันสำคัญ กลางเดือนสิงหา คม คงจะเข้าใจ นะครับ

ว่า รักครั้งแรก ของ พวกเรา เกิดขึ้นเมื่อไหร่????

เมื่อซัก 2-3 ปีก่อน เคยได้รับ อีเมลล์ ฉบับนี้ จนทุกวัน ยังเก็บไว้อยู่ เลย นำมาให้อ่านกันครับ
ทบทวนความจำกัน ครับ


แปดครั้ง ที่แม่โกหก  
1.
เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ
ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม ่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
2.
เมื่อผมเติบโตขึ้น
คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมได้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม
3.
เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม
เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับงานเล็ก ๆน้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน "แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม
4.
ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย
แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจใ ห้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่ เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ" นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม
5.
หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต
คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆบ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้า นที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องความรักอีก" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
6.
ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ
ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่ (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคื นให้ผมอีก แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6
7.
เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า..
ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่ม ีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผมว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน" ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม
8.
เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อย ๆ..
ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงอย่างมาก แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดฝืน จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั้งตัว ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ "ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว" นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหก และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกผม

ความรู้ต่ำ ..... การศึกษาสูง

คูณภาพของคน วัดกัีนที่ การศึกษา
คุณภาพของคน วัดกันที่ ความรู้
คุณภาพของคน วัดกันที่ การกระทำ
คุณภาพของคน วัดกันที่ ??????

จะวัดคุณภาพของคน จากตรงไหน ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก สำหรับผม ความคิดดี ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ผมว่า คนนั้นคือคนที่มีคุณภาพ เ่ช่น คุณหมอ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ริเริ่มโครงการบัตรประกันสุขภาพ ให้กับคนไทยทุกคน หรือ ที่เราคุ้นกับชื่อ สามสิบบาทรักษาทุกโรค

ความรู้ต่ำ ก็เป็นปราชญ์ได้ และมีเยอะมากในเมืองไทย ที่คนเหล่านี้ ได้รับการยกย่อง มากกว่า คนจบการศึกษาสูงด้วยซ้ำ เพราะเกิดจาการกระทำ และความคิด เช่น พ่อเล็ก กุดวงศ์แก้ว ความรู้แค่ ป.4 คุณพ่อได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ที่จังหวัดสกลนคร

ผมขอพูดถึงความฉลาดของคนการศึกษาสูง สักเรื่องนะครับ
ผมทำงานที่ พระประแดง สมุทรปราการ (อดีต) เจ้านายผม ใช้ พนักงานซื้อของในบริษัท ให้ไปซื้อนมให้ลูกเขา ที่ ประตูน้ำ โดยให้เหตุผลว่า นมลูกเขาที่ ประตูน้ำ มีราคาถูกกว่าที่อื่น 3 บาท ถ้าซื้อเยอะ ก็คิดว่าคุ้มนะครับ แต่ (อดีต)เจ้านายที่แสนจะฉลาดของผม ซื้อมา 3 แพ็ค ครับ คุ้มจริงๆ

ผมว่า การศึกษาสูง ไม่ได้ช่วยให้คน มีความคิดสูงไปด้วย บางครั้งคนเรียนสูง เรียนมาเยอะ แต่ยังสู้ปัญญาของคน ความรู้ต่ำไม่ได้เลย

ทำใม ..??? ต้องใช้อารมณ์ตัดสิน

คนเราทุกคน เกิดมาก็แตกต่างกันแล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ ภายในครอบครัวเดียวกัน นิสัยใจคอ ก็ต่างกันแล้วครับ นับประสาอะไรกับคนจำนวนมากในสังคม จะไม่แตกต่างกัน ความจริง คนเหมือนกัน ไม่ว่า ชาย หรือ หญิง น่าจะคุยกันรู้เรื่อง น่าจะเข้าใจกัน แต่ในทางกลับกัน ไม่เลย ที่จะเข้าใจกัน เพราะใช้อารมณ์ ของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ใช้อารมณ์ของตัวเอง ใช้ความรู้สึก ใช้ความคิดของตัวเอง ทั้งนั้น

จริงๆ คนเรา ถ้าตัดอารมณ์ ความรู้สึกในใจ อคติ เวลาคุยกัน น่าจะยืดหยุ่นได้กันทุกคน ขอเพียงมีสำนึกในใจ คุยเรื่องอะไรก็รู้เรื่อง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ปัญหาทะเลาะกัน หงุดหงิดใส่กัน คงไม่เกิด หรือ อาจจะเกิดน้อย และที่สำคัญ ควรให้อภัยกันและกัน

เวลาที่คนใช้อารมณ์ตัดสิน เช่น สามีภรรยา คู่นึง ภรรยา ให้สามี ไปซื้อ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด มาให้กิน กำลังหิว สามีก็ ถามกลับไปว่า "ถ้าไม่มีล่ะ" ภรรยา ก็ใช้อารมณ์ทันที " ก็ไม่ต้องซื้อซิวะ ถามมาได้ โง่ " นั่นละครับ แล้ว อะไรตามมา คิดเอาเองนะครับ (ปัญหาครอบครัว เกิดจากจุดเล็กๆแบบนี้แหละ)

อย่าให้อารมณ์หงุดหงิด มาครอบงำเราได้นะครับ ไม่พอใจอะไร ก็เฉยไว้ ค่อยๆปรับอารมณ์ให้เย็นลงแล้วคุยกันด้วยเหตุและผล เพราะถ้าใช้อารมณ์กันทั้งสองฝ่าย

เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวกันดีกว่านะครับ 

ลูกลุงขี้เมา...?????

ขับรถ (มอเตอร์ไซค์) ไปซื้อข้าวให้หมาที่เลี้ยงไว้ กำลังเลือกซี่โครงไก่ หูแว่วได้ยิน วินมอเตอร์ไซค์แถวนั้นเปิดเพลง ลูกลุงขี้เมา ผมก็จำได้ เพราะ ชอบเปิดฟังในออฟฟิศอยู่บ่อยๆ (เวลารู้สึกรำคาญโต็ะข้างๆ) เกิดความคิดขึ้นมา เนื้อเพลงช่างสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ เห็นภาพชัดเจน ขอชมเชยคุณ ยืนยง โอภากุล (แอ็ด คาราบาว) ด้วยใจจริง ครับ สะท้อนได้ เยี่ยม จริงๆ ถ้ายังไม่เคยฟัง ก็ลองฟังดูนะครับ ที่นี่ครับ
ที่ผมนำเพลงนี้มาเขียน เพราะ ผมก็เป็นคนบ้านนอก (ชนบท) คนนึงเหมือนกัน ลูกอีสาน แท้ๆ เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ เมืองศรีวิไล แต่สิ่งที่พบเห็น ในเมืองสวรรค์ เมืองศรีวิไล มันต่างจาก สังคมบ้านนอก ของผมอย่างสิ้นเชิง สังคมบ้านผม กินข้าว บ้านนี้ ไปกินน้ำบ้านโน้น แล้วแวะ มานั่งกินขนมหวานตบท้ายอีกบ้านนึง 

ความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาอยู่ทุกยุคทุกสมัย ความแตกต่างระหว่างคนเมือง กับคนชนบท แ้ก้ยังไงก็เป็นเรื่องยาก หลายปีผ่านไป คนจน ก็ยังจนอยู่อย่างนั้น คนรวยยิ่งรวยขึ้นไป สิ่งที่คนจนต้องการคือความเ็ป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ต้องอดอยาก มีเสื้อผ้าใส่ ตามอัตภาพเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐอย่างทั่วถึง  ไม่ได้หวังรวย แค่มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็เพียงพอ (่ใครอยากรวยก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็เพิ่งจะกลับต่างจังหวัดไปทำบุญครบรอบวันตายพ่อ ก็เห็นชาวนา หลายจังหวัดที่ผ่าน หว่านข้าว ทั้งที่ในนา ยังไม่มีน้ำเลย (หว่านข้าวคอยฝน) ถ้าฝนไม่ตก คงลำบากกันน่าดู รัฐบาลคง
ไม่มีปัญญา ทำให้ฝนตกได้ ก็น่าเห็นใจรัฐบาล (นิดนึง) 

นั่งฟังเพลง ลูกลุงขี้เมา ก็มองเห็นสัจธรรมอย่างนึง "ถึงจะมาจากที่กันดาร แต่ถ้ามีเงิน ก็เป็นใหญ่ได้" ทำให้ทุกคน ต้องดิ้นรนหาเงิน สร้างฐานะให้ตัวเอง จะไ้ด้มีคนนับหน้าถือตา เพราะมีฐานะี ก็คงจะจริง "ไม่มีเงิน ก็เหมือน หมาตัวนึงเท่านั้น"

ลองหาเพลงนี้มาฟัง ดูนะครับ มีสาระดี เนื้อหาดี ทำนองก็เพราะ